จากบทความที่เขียนในเพจครับ…
การลงทุนในตราสารหนี้เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำกว่าตราสารทุน (หุ้น) โดยได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย และมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้
ผู้ออกตราสารหนี้สามารถแบ่งออกเป็นตราสารหนี้ภาครัฐฯ (พันธบัตร) และตราสารหนี้ภาคเอกชน (หุ้นกู้)
สำหรับพันธบัตรรัฐบาลสามารถพูดได้ว่าเป็นตราสารหนี้ที่ไม่มีความเสี่ยงผิดนัดชำระ (Risk Free) ส่วนหุ้นกู้ซึ่งออกโดยเอกชนจะมีความเสี่ยงมากกว่า และสามารถพิจารณาได้จากอันดับเครดิต หรือ Credit Rating
เรตติ้งจะถูกจัดทำโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในไทยมี 2 แห่งคือ TRIS กับ Fitch ส่วนระดับนานาชาติได้แก่ Moddy’s และ S&P ซึ่งหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี
เรตติ้งที่บริษัทหรือหุ้นกู้ได้รับจะสะท้อนความเสี่ยงในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสารนั้นๆ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ Investment Grade และ Speculative Grade หรือ High Yield Bond
ระดับ Investment Grade คือหุ้นกู้ที่ได้รับเรตติ้งระดับ AAA ลงมาจนถึง BBB- ส่วนกลุ่ม High Yield คือหุ้นกู้ที่ได้รับเรตติ้งระดับ BB+ ลงไปจนถึง D รวมถึงตราสารหนี้ที่ไม่ได้จัดอันดับเครดิต (Unrated Bond)
เรตติ้งที่สูงแสดงถึงระดับความเสี่ยงที่ต่ำ ผู้ออกย่อมให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งต่ำกว่าจึงต้องจูงใจผู้ซื้อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า
นักลงทุนต้องติดตามเรตติ้งของหุ้นกู้ที่ตนเองลงทุนหรือสนใจเพราะอันดับเครดิตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และส่งผลต่อระดับราคาของหุ้นกู้ที่นักลงทุนถืออยู่หรือสนใจจะเข้าซื้อในตลาดรอง
อ้างอิง : http://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/2019/06082019.aspx
หรือฟังเป็น Podcast :
ฟังผ่าน Soundcloud https://soundcloud.com/charoenjit-c/prosperous-ep140-credit-rating
ฟังผ่าน Spotify https://open.spotify.com/episode/3vDwM8KkcylIMxuYYdVXhE?si=zeKVgY0WSUK_al7l2YcfHg