จงเข้มแข็ง

Reflection of the day : เขียนอย่างน้อย 3 สิ่งดีที่เกิดขึ้นหรือทำสำเร็จในแต่ละวันผ่าน Blog

+++++++++++++++++++++

  • วันอาทิตย์ไปโบสถ์
  • บทเรียนจากคำเทศนาวันนี้คือพระเจ้าจัดเตรียมสิ่งดีไว้ให้กับเรา แต่เราต้องลุกไปคว้าเอาไว้ จงเข้มแข็งและกล้าหาญ
  • เป็น facilitator ชั้นเรียนแห่งชีวิตสัปดาห์ที่สอง ราบรื่นดี นอกจากนี้ยังได้รู้จักพี่น้องใหม่ๆหลายคน
  • ช่วงค่ำวันนี้คริสตจักรมีเลี้ยงโต๊ะจีนพี่น้องที่ได้ร่วมกันทำงานอาสาในคริสตจักร (ขอบคุณผู้รับใช้พระเจ้า) ในธีม “โอลิมปิค” บรรยากาศดี ดนตรีไพเราะ อาหารอร่อยและได้สานสัมพันธ์กันกับพี่น้องในทีม

+++++++ 2/2/20 +++++++

Advertisement

สร้างสรรค์ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

photo-1514580426463-fd77dc4d0672.jpg

98%* ของคนบอกว่าการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์นั้นสำคัญกับงาน 

แต่มีเพียง 45%* ที่มองว่าตัวเองเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์

และมีแค่ 2%* เท่านั้นที่คิดว่าบริษัทของตัวเองพัฒนาให้คนทำงานมีความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่!

*ตัวเลขจากกว่า 2,000 สัมมนาในกว่า 60 ประเทศ

เรากำลังอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลง

เราไม่คิดว่าตัวเองสร้างสรรค์ ไม่ได้รับการสร้างให้สร้างสรรค์ และไม่มีไอเดีย

ไอเดีย คือ การที่คนหนึ่งนำสองสิ่งมารวมกันด้วยวิธีใหม่ – Fredrik Haren

Creativity and Leadership

ในเมื่อทุกคนเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญ และส่วนใหญ่มองว่าตัวเองขาดสิ่งนั้น ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นบทบาทสำคัญที่ผู้นำจะต้องผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในหมู่คนทำงาน

บ่อยครั้งที่เราทำในสิ่งเดิมๆตามวิธีเดิมๆเพราะว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วหรือเป็นสิ่งที่เราทำมันเสมอมา

What is an idea?

อันที่จริงความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดียเกิดขึ้นจากการนำสองสิ่งที่มีอยู่แล้วมารวมกัน

เฟรดดริก ฮาเร็นเป็นผู้เขียนหนังสือ “The Idea Book” ซึ่งขายได้มากกว่า 200,000 เล่ม และได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 100 Best Business Books of All Time ซึ่งจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ มาจากการรวมกันระหว่าง หนังสือ กับ สมุด โดยหนังสือจะประกอบด้วยเนื้อหา 150 หน้าและกระดาษเปล่าอีก 150 หน้าสำหรับไอเดียของผู้อ่าน

เฟรดดริกเปิดเผยไอเดียเบื้องหลังหนังสือเล่มนี้ว่าในแต่ละบริษัทจะมีงบประมาณสำหรับหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจให้กับผู้นำองค์กรเฉลี่ยปีละ 1 เล่มต่อคน ในขณะที่งบประมาณสำหรับวัสดุสำนักงาน-เครื่องเขียนนั้นเยอะกว่ามาก และหนังสือของเขาก็มีสมุดเป็นส่วนประกอบ

Idea-Perception

เมื่อเรานำความรู้มารวมกับข้อมูลที่เรามี ก็เกิดเป็นไอเดีย

Idea = P(k+i) ;

Idea = Person (Knowledge + Information)

และเมื่อเรามีมุมมองแห่งการสร้างสรรค์ เราจะมองโลกต่างออกไป

Inspiring Creativity

ดังนั้นเราจึงต้องพยายามที่จะพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเรา นอกจากจะทำให้ตัวเราเองเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกแล้ว ก็เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นด้วย

เฟรดดริกเล่าถึงพี่ชายของเขาที่ไปว่ายน้ำในสระของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง สระว่ายน้ำนี้ครึ่งหนึ่งมีหลังคาปิด อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่โล่ง และในส่วนที่ปิดนั้นน้ำจะเย็นกว่า

ปัญหาคือการว่ายน้ำตามความยาวของสระทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเมื่อต้องเข้าไปในส่วนน้ำเย็น

แต่เนื่องจากในสระน้ำนั้นไม่มีคนอื่นอยู่ พี่ชายของเขาจึงเกิดไอเดียและเริ่มต้นว่ายน้ำเป็นแนวทแยงมุม แต่ทแยงในพื้นที่แค่ครึ่งเดียวของสระ

ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมสระรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ ลุกขึ้นมาบอกกับเขาว่า “คุณว่ายผิดทิศทาง” (ต้องว่ายตรงๆ) และแม้พี่ชายของเฟรดดริกพยายามอธิบายว่าการว่ายแบบทแยงนี้เป็นการแก้ปัญหาเรื่องน้ำเย็น และไม่ได้รบกวนคนอื่น (เพราะไม่มีใครในสระ) ชายคนนั้นก็ยังไม่ค่อยพอใจและบอกว่า “คุณรบกวนผม”

คำถามคือ เราเป็นแบบ ‘พี่ชาย’ หรือ ‘ชายริมสระ’

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เฟรดดริก ฮาเร็น (Fredrik Haren) ชาวสวีเดน เป็นนักเขียนและนักพูดระดับโลก เชี่ยวชาญด้านความคิดสร้างสรรค์ในธุรกิจ นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้เขียนหนังสือ “The Idea Book” ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์

The Global Leadership Summit จัดตั้งขึ้นโดยองค์กร Willow Creek Association เป็นสัมมนาที่ให้ความสำคัญกับการสร้างผู้นำ จัดขึ้นทุกปี และสำหรับในประเทศไทยมีคริสตจักรเสรีภาพกรุงเทพเป็นเจ้าภาพ จัดเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมา

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ : ดีกว่าจนโดดเด่น

photo-1494596163038-5c693c2382e8.jpg

วันนี้มีแนวคิดจากวิทยากรในสัมมนา The Global Leadership Summit 2019 ที่มีโอกาสได้ฟังมาเมื่อเร็วๆนี้ ขอมีโอกาสแบ่งปันกับทุกคนครับ

The Global Leadership Summit จัดตั้งขึ้นโดยองค์กร Willow Creek Association เป็นสัมมนาที่ให้ความสำคัญกับการสร้างผู้นำ จัดขึ้นทุกปี และสำหรับในประเทศไทยมีคริสตจักรเสรีภาพกรุงเทพเป็นเจ้าภาพ จัดเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมา

ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จและให้ความสนใจวิ่งมาหาเรา ไม่ว่าจะเป็นการขายหรือการมีอิทธิพลใดๆ เราต้องดีกว่าจนโดดเด่น

ดีกว่าจนโดดเด่น – Andy Stanley

ถ้าเราเป็นร้านส้มตำเพียงร้านเดียวในชุมชน เราอาจจะไม่ต้องอะไรดีมากมาย แต่เพราะมีเราคนเดียว เราจึงโดดเด่น กลับกัน ในแวดวงหรืออุตสาหกรรมที่เราอยู่ ถ้าเราทำได้ดีเหมือนคนอื่น ทำเหมือนๆกัน ทำในวิธีที่ทุกคนทำอยู่ แต่เพราะมีคู่แข่งเยอะ เราก็ไม่โดดเด่น

ดังนั้นเราจึงต้องดีกว่าจนโดดเด่น

ในการทำให้ดีกว่าจนโดดเด่นเราไม่ต้องทำสิ่งใหม่ แต่เอาที่มีอยู่มาทำให้ดีขึ้น หลายครั้งเกิดจากความพยายามแก้ปัญหา การตรวจสอบและหาวิธีแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด จนเป็นความสำเร็จใหม่ๆ

แล้วเราจะสร้างสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าจนโดดเด่นได้อย่างไร?

ผู้นำที่ดีต้องสร้างวัฒนธรรมให้คนตระหนักถึงการดีกว่าจนโดดเด่น โดยต้องยอมรับและไม่ต่อต้านแม้สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราเป็นคนคิดขึ้นมา ประกอบแนวทางด้วย 4 ประการ

4 แนวทางในการสร้างวัฒนธรรม ดีกว่าจนโดดเด่น

1) เป็นนักเรียน ไม่ใช่นักวิจารณ์
ให้เราเลือกที่จะเรียนรู้มากกว่าวิจารณ์ เรามักจะต่อต้านในสิ่งที่เราไม่เข้าใจและควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเราต้องไม่วิจารณ์ในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ และเลือกที่จะเรียนรู้มากกว่า

2) เปิดตาเปิดใจให้กว้าง
ในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆเราต้องเปิดตาเปิดใจเปิดหูฟังเสียงคนนอกบ้าง เพราะว่าคนนอกไม่ได้ถูกครอบด้วยสมมติฐานของเราที่คิดและทำซ้ำๆเดิม เราต้องฟังเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่ดี

3) แทนที่คำว่า “อย่างไร” ด้วยคำว่า “โอ้โห” (How to Wow!)
เราจะได้รับสิ่งใหม่ๆก็ต่อเมื่อเราโอ้โหกับไอเดียของคน อย่าลืมว่าแนวคิดที่น่าสนใจอาจไม่ใช่ความคิดที่มาจากเรา ดังนั้น Don’t be a closed-mind leader ฝึกพูดบ่อยๆกับคำว่า “โอ้โห…ดี เรามาลองทำดู”

4) ถามคำถามถึงความโดดเด่น
ประกอบด้วย นี่มันโดดเด่นหรือเปล่า? อะไรทำให้สิ่งนี้โดดเด่นและเราทำอะไรได้บ้าง? มันดีกว่าหรือเปล่า? และมันดีกว่าจริงหรือ?

เราต้องใส่ใจในพรมแดนของความไม่ใส่ใจ ให้เราหันหลังจากสิ่งที่รู้อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะเราไม่เชื่อสิ่งนั้น แต่เพื่อเรียนรู้…

 

Andy Stanley เป็นผู้ก่อตั้งและศิษยาภิบาล (ผู้นำ) ของคริสตจักร Northpoint Ministries ในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา 

Authentic

i-am-461820__480.png

ว่าด้วยเรื่องของ Authentic ซึ่งส่งผลต่อมุมมองของผู้อื่นที่มีต่อเราและการสร้างความประทับใจในความสัมพันธ์ครับ

ดูคำแปลจาก dictionary.com กันก่อนครับ

Authentic : representing one’s true nature or beliefs; true to oneself or to the person identified:

ความเป็น Authentic คือการที่เรามีตัวตนและแสดงออกมาอย่างแท้จริง เป็นคนจริงของจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน บ้านหรือที่ทำงาน จะอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากหรือหมู่คนสนิท หรือแม้กระทั่งอยู่คนเดียว ทำอย่างที่พูดและมั่นคงในทุกสถานการณ์ คนคาดหวังจากเราได้ว่าจะตอบสนองอย่างไร ไม่ซัดไปเซมาเหมือนคลื่นลม

Authentic ในที่นี้ไม่ใช่ perfect เพราะแน่นอนไม่มีใครสมบูรณ์ 100% ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่หัวแข็ง (ฉันเป็นของฉันแบบนี้) เพียงแต่การแสดงออกนั้นทำให้มองเห็นถึงความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น ส่วนเรื่องของการพัฒนาเปลี่ยนแปลงก็ตามมาภายหลัง

ใครๆก็ชอบของแท้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของหรือความสัมพันธ์ ดังนั้น to be authentic จะสร้างความประทับใจในความสัมพันธ์ได้อย่างดี

“You attract the right things when you have a sense of who you are.” Amy Poehler

ทำสิ่งใหม่

network-782707_1280.png

วันนี้ผมได้ลองทำสิ่งใหม่อีกอย่างหนึ่งครับซึ่งไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อน แต่พอวันนี้บทจะทำ นั่งอยู่หน้าคอมฯก็ทำเลยคือ

สมัคร free online course ครับ…

โดย search ไปเจอของ Stanford University

สิ่งที่เลือกเรียนคือ Machine Learning!!!

ด้วยว่ามีความสนใจแล้วก็อยากจะรู้ว่าจากคนที่มีพื้นฐานเป็นศูนย์แบบเรา จะสามารถเรียนรู้เรื่องของ computer ไปได้ขนาดไหน

และเชื่อว่าถ้าเรียนรู้เรื่องก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์และก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงด้วยครับ

ซึ่งดูแล้วต้องใช้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์และสถิติมากเลยครับ จะไหวไหมต้องลองดู

แต่สิ่งใหม่ที่ได้ทำวันนี้ ที่เกิดขึ้นได้ ผมเชื่อว่าเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงส่วนตัวในช่วงที่ผ่านมาครับ

นั่นคือการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆนั่นเอง

1)ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. ผมเริ่มใช้ Google Calendar และประกอบกับเทคนิค Time Boxing ทำให้ชีวิตมีแบบแผนมากขึ้น และทำให้สามารถจัดการชีวิตได้ว่า เราอยากจะทำหรือต้องทำอะไรเพิ่มอีก

2)ตั้งแต่ต้นปี ผมตั้งเป้าอ่านหนังสือและเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการพกหนังสือไปในทุกที่จนทำให้อ่านหนังสือจบได้เร็วกว่าที่คาด และการอ่านหนังสือก็ทำให้ชีวิตเราอยู่ในบรรยากาศของการเรียนรู้มากขึ้นครับ

3)ช่วงหลังมานี้เปลี่ยนพฤติกรรมมาฟัง Podcast แทนการฟังเพลงในช่วงขับรถ รวมถึงฟังในช่วงเวลาว่างอื่นๆด้วย ทำให้ได้รับอิทธิพลที่ดี โดยเฉพาะการก้าวทันโลกและการริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆครับ

Podcast ที่ฟังบ่อยได้แก่ Nopadol’s Story ของ ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์ และ Mission to the Moon ของคุณรวิศ หาญอุตสาหะครับ

4)ออกกำลังกายตอนเช้า ซึ่งเพิ่งเริ่มทำเมื่อเดือน ก.พ. นี้เช่นกัน และตั้งเป้าหมายไว้เพียง 3 วันต่อสัปดาห์ และวันละ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งเหมือนจะไม่เกี่ยวแต่ส่วนตัวคิดว่าเกี่ยวเพราะการทำบางอย่างสำเร็จช่วยผลักดันให้เราสามารถเดินหน้าพิชิตสิ่งอื่นๆได้ โดยเฉพาะความสำเร็จนี้เกิดขึ้นในเวลาเช้า (ซึ่งส่งผลต่อการตื่นเช้าและการไปทำงานทันเวลาด้วยครับ)

สรุปตรงนี้คือวันนี้ผมได้เข้าใจและมีประสบการณ์กับการก้าวออกจาก comfort zone แล้วมาทำอะไรใหม่ๆ

แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆแต่ก็ช่วยสร้างลักษณะนิสัยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น เรียนรู้มากขึ้น ริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆมากขึ้น ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น และทำให้ภาคภูมิใจด้วยครับ

 

Exercise!

วันนี้เป็นวันแรกของปีนี้ที่ได้มีโอกาสออกกำลังกายที่บ้านครับ จากเป้าหมายปีนี้ว่าจะออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ (ตั้งแต่ต้นปียังไม่เคยสำเร็จเลยครับ) มาถึงสัปดาห์นี้จึงใส่ตารางว่าจะออกกำลังระหว่าง 6.00-6.15 น. แค่ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งวันจันทร์ที่ผ่านมาก็เหลวไปเป็นที่เรียบร้อย มาสำเร็จวันนี้ครับ ใน 15 นาทีที่ออกกำลังกายก็ใช้คลิปที่โพสนี้เป็นเครื่องมือในการออกกำลังกาย ง่ายและช่วยได้เยอะครับ

และนี่คือข้อคิดที่ได้…

  1. การตั้งเป้าหมายนั้นสำคัญ โดยเรื่องนี้ได้เขียนไว้เป็นเป้าหมายของปี
  2. การลงตารางช่วยให้มีโอกาสเป็นจริงมาขึ้น เพราะถือเป็นการให้ commitment กับตัวเอง
  3. ตื่นนอนแล้วต้องลุกทันทีห้ามนอนต่อหรือคิดลังเล ไม่อย่างนั้นจะเหลวแบบเมื่อวาน
  4. 2 minutes rule คือตั้งใจจะออกอย่างน้อย 2 นาที เมื่อเริ่มทำแล้วก็ทำได้จนจบ 15 นาทีครับ ยากตอนเริ่ม
  5. นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ววันนี้ยังสามารถทำเป้าหมายอื่นได้สำเร็จด้วยในตอนเช้า คือ ตื่นเช้า ออกกำลัง อ่านหนังสือและเขียน blog (wow!!!)
  6. สิ่งที่ได้ด้วยคือความภาคภูมิใจ และตั้งเป้าว่าพรุ่งนี้จะรักษา momentum ด้วยการทำต่อครับ

My January

planner-3820633_1280.jpg

ผ่านปี 2019 มาเกือบ 1 เดือนแล้ว ขอมาอัพเดทเป้าหมายและสิ่งที่ได้ทำครับ

  • ภูมิใจที่สุดคือตั้งเป้าอ่านหนังสือปีนี้ 12 เล่ม ตอนนี้อ่านจบไป 4 เล่มแล้วครับ ร้อนแรงมาก
  • ภูมิใจรองลงมาคือเริ่มโปะคอนโดแล้ว แม้ตัวเลขไม่มากก็ถือว่าได้เริ่มต้นครับ
  • เริ่มลงทุนในกองทุนหุ้นแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่ลงในหุ้นรายตัว
  • ความตั้งใจจะไม่นำงานนอกมาทำในที่ทำงาน ปรากฎว่ามีหลุดไป 1 วันครับจัดเวลาพลาดจึงต้องหยิบมาทำ
  • โทรหาลูกค้าต่อวันก็ได้ตามเป้า
  • โทรหาพ่อแม่ก็ทำด้วยความตั้งใจมากขึ้นครับ
  • นัดประชุมทีมก็เดินหน้าทำอย่างสม่ำเสมอ
  • ส่วนตัวเริ่มมีการวางแผนงานรายวัน-รายสัปดาห์ เริ่มใช้ Google Calendar ครับ
  • เขียน blog ตั้งใจเขียนวันละ 1 ตอน สรุปตอนนี้ได้ 15 ตอนก็ครึ่งๆครับ
  • เล่นโทรศัพท์ก็ยังเยอะเหมือนเดิม แต่มีความตั้งใจหลีกเลี่ยงมากขึ้นกว่าเก่า
  • ออกกำลังกายไม่ได้ออกเลยครับ แถมมีป่วยอีกต่างหาก
  • ส่วนการตื่นก็ยังมีหลุดสายบ้างครับ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้น

ก็ประมาณนี้ครับสำหรับเดือนแรกของปี 2019 เชื่อว่าทุกคนยังคงมีไฟที่จะทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่นะครับ และขอให้ทำสำเร็จครับ

 

คนใหม่

pui.jpg

สัปดาห์ที่ผ่านมาในออฟฟิศของพวกเรายุ่งมากครับ คือนอกจากยุ่งเรื่องงานแล้ว ยังมีอีกกิจกรรมที่ยุ่งครับ

ยุ่งถ่ายรูป…

ทางสำนักงานใหญ่ขอให้พวกเราส่งรูปถ่ายแบบ Professional look ไปที่ส่วนกลางเพื่อใช้ประกอบการสื่อสารกับลูกค้าในช่องทางใหม่

คนหนึ่งถ่ายกันหลายรอบครับ ทั้งจัดแสง จัดท่า จัดหน้า จัดผม เพื่อให้ได้รูปที่ดีที่สุด

ถามว่ารูปเก่าไม่มีเหรอ

มีครับ

ทุกคนมีรูป Profile สำหรับบัตรพนักงานอยู่แล้ว

แต่นี่ถ่ายใหม่

ถามว่าของเก่ายังใช้ได้อยู่ไหม

ใช้ได้ครับ

แต่ใช้ของใหม่ดีขึ้นแน่นอน

+++++++++++++++++++++++

คนเราใช้ชีวิตอยู่ปกติทุกวันสุขสบายดีอยู่แล้ว ไม่รู้จะทำให้ยุ่งยาก จะเปลี่ยนแปลงตัวเองทำไม

เราก็เป็นของเราแบบนี้ ดีอยู่แล้ว…

มีประโยคที่ผมเพิ่งได้อ่านผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้

จงอย่าเป็นตัวของตัวเอง แต่จงเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกวัน

ถามว่าเป็นคนเก่าเรายังใช้ได้อยู่ไหม

ใช้ได้ครับ

แต่เป็นคนใหม่ดีขึ้นแน่นอน

สะสม

piggy-bank-2889046_1280.jpg

วันนี้พูดคุยกับพี่ท่านหนึ่งถึงเรื่องการออมด้วยประเด็นที่ว่าต้องทยอยออม โดยยกตัวอย่างกันถึงว่า ออมวันละ 10 บาท ยังไงก็ง่ายกว่าออมที่เดียว 3,650 บาท

เป็นเรื่องของการสะสม

เลยให้นึกในมุมของการทำงาน

ความสัมพันธ์กับลูกค้า ยอดขาย การฝึกฝนทักษะ การเพิ่มความรู้ รวมถึงประสบการณ์ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ชื่อเสียง ฯลฯ

ทุกอย่างล้วนต้องสะสมทั้งสิ้น

แต่หลายอย่างเรามักใจร้อนว่าเมื่อไรจะได้ตามที่ตั้งใจไว้ พอไม่ได้ก็ท้อแท้หรือวางมือ

ย้อนกลับมาดูที่ตัวอย่างของเราอีกครั้ง

ค่อยๆออม ค่อยๆสะสม ทำทีละน้อย มีกำลังที่จะทำ สุดท้ายบรรลุเป้าหมายแน่นอน

แนะนำหนังสือ

 

อันที่จริงไม่ได้แนะนำอะไรมากครับเพียงอยากจะ update เป้าหมายปี 2019 นี้ที่ผมตั้งใจจะอ่านหนังสือให้ได้ทั้งหมด 12 เล่ม

ผ่านปีใหม่มาได้ 14 วันปรากฏว่าผมอ่านหนังสือจบไป 2 เล่มแล้วครับ และกำลังอ่านเล่มที่สาม (ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็นนักอ่านไปแล้ว หึหึหึ)

และนี่คือหนังสือ 3 เล่มที่ผ่านมือผมในปีนี้ครับ

  1. Eat That Frog! กินกบตัวนั้นซะ! เขียนโดย Brain Tracy เป็นหนังสือแนะนำเกี่ยวกับ 21 วิธีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการผัดวันประกันพรุ่ง ทำให้เราบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จในการทำงานมากขึ้น อันนี้ซื้อมาอ่านช่วงปีใหม่แล้วก็ช่วยในการเริ่มต้นทำงานช่วงต้นปีพอดีครับ
  2. ‘เพราะฉะนั้น ฉันจึงถาม’ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจลำดับที่ 30 เขียนโดย หนุ่มเมืองจันท์ เล่มนี้ยืมมาจากเพื่อนร่วมงาน อ่านสองวันจบครับ เป็นเรื่องราวเกร็ดธุรกิจและชีวิต เรียบเรียงโดยคุณหนุ่มเมืองจันท์ผ่านคำถามและการแลกเปลี่ยนกับบุคคลในแวดวงต่างๆ
  3. The Disruptor เขียนโดย คุณรวิศ หาญอุตสาหะ พูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ แนวคิด วิธีการทำงาน โดยตั้งโจทย์ว่าอนาคตนั้นมีสองทางอยู่ที่ว่าเราจะเปลี่ยนตัวเอง หรือจะรอจนถูกบังคับให้เปลี่ยน ซึ่งเล่มนี้ยังอ่านไม่จบครับ แต่ที่สนใจเพราะว่าอุตสาหกรรมที่ผมทำงานอยู่นั้นมีโอกาสถูก ‘disrupt’ มากๆเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ครับ

ถือโอกาส review เป้าหมายส่วนตัวให้ดูสั้นๆ และแนะนำหนังสือ ถ้ามีโอกาสจะมา review รายละเอียดแต่ละเล่มเพิ่มเติมครับ