HOPE

tesla
ศุกร์ที่ผ่านมา Elon Musk ประกาศเปิดตัวรถสปอร์ต Tesla Roadster รุ่นใหม่
ที่น่าตื่นเต้นคือเขาบอกว่ารถคันนี้จะทำความเร็วจาก 0-100 กม. ต่อ ชม. ภายในแค่ 1.9 วินาที
เร็วกว่ารถสปอร์ตใดๆในปัจจุบัน…
โดยรถคันนี้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์และใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเหล่านักวิทยาศาสตร์ วิศวกรและนักพัฒนาต่างล้วนคิดหาพลังงานที่จะมาขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้ดี ให้ประหยัด ให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง ให้ไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ…

…แล้วถ้าเป็นมนุษย์อย่างพวกเราล่ะ?

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

Steven K. Scott (จากหนังสือ The Richest Man Who Ever Lived) บอกว่ามีพลังงานหนึ่งที่ขับเคลื่อนมนุษย์อย่างเรา พลังงานนั้นถูกเรียกว่า…ความหวัง  

ความหวังคือความเชื่อที่ตั้งมั่นว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้นั้นจะสามารถทำสำเร็จได้ในระยะเวลาหนึ่ง

HOPE is a well-founded and confident belief that a specific vision (goal, desire, or promise) will be achieved or fulfilled within a specified amount of time.

Steven K. Scott

ความหวังนี้ไม่ใช่ความหวังลมๆแล้งๆ แต่เป็นความหวังบนเป้าหมายที่ชัดเจน
เมื่อเป้าหมายชัด ความหวังก็ขับเคลื่อนให้เราไปข้างหน้า จนถึงความสำเร็จ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เป้าหมายที่ต้องการเปลี่ยนโลกของ Elon Musk
เป้าหมายของ NASA ที่จะพิชิตอวกาศ
เป้าหมายของพี่ตูนที่จะปลุกให้คนเห็นความสำคัญของระบบสาธารณสุข

เป้าหมายของคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดี
เป้าหมายที่จะเพิ่มวุฒิฯของนักศึกษาปริญญาโท
เป้าหมายของพนักงานที่สมัครงานใหม่เพื่อตำแหน่งที่ดีขึ้น

ทุกเป้าหมายขับเคลื่อนด้วยความหวัง
ตั้งเป้าหมาย แล้วหวังด้วยกันครับ…

Advertisement

Mr.T

smily
พี่ T (ชื่อย่อ) เป็นอดีตผู้ป่วยจิตเภทที่ตอนนี้หายแล้ว (แต่ยังต้องกินยาอยู่)
เรารู้จักกันมาได้เกือบปีและด้วยมีโอกาสได้ดูแลพูดคุยกันพอสมควร
ก็รู้สึกว่าแกดีขึ้นเรื่อยๆ…

จากแต่ก่อนที่ชอบโวยวาย งอแง เครียดง่าย ป่วยง่ายแล้วก็พูดรู้เรื่องยาก
เดี๋ยวนี้แกไปไหนมาไหนได้เองเก่งขึ้น แถมยังอ่าน-เขียนหนังสือได้ตกวันละ 1 หน้า (ฝึกฝน)
อาการป่วย เครียด งอแงก็หายไปเยอะ…ขอบคุณพระเจ้า

++++++++++++++++++++++++++++++

อีกมุมหนึ่งจริงๆแล้วพี่ T เป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะตลอดเวลา เข้ากับคนได้ง่าย
โดยเฉพาะคนที่มีอาการคล้ายๆแกนี่แกทักทายตลอด…

ผม   : รู้จักกันหรอพี่
พี่ T : ไม่หรอก พวกกัน
ผม   : หืม
พี่ T : พวกนี้เขาคนเคยกินยา (หมายถึงรับยารักษา) เหมือนกัน ผมรู้ มันเป็นเครือข่าย
ผม   : (แหม…ศัพท์วิชาการมาเลยนะ) แล้วรู้ได้ไงว่าพวกกัน
พี่ T : พวกนี้เขาเดินมานี่เขาจะเขามาทักเรา ยิ้มให้ไรงี้
ผม   : จริงเหรอ? แล้วพี่รู้เลยเหรอ?
พี่ T : รู้สิ ก็คนทั่วไปเขาไม่เข้ามาทักหรอก…

เออ ก็จริง…แต่พี่ T แกเป็นคนน่ารักนะครับ

เทคนิค

20171118_194830.jpgทำอะไรแต่ละอย่างล้วนแต่มีเทคนิค หรือเคล็ดลับ
บางอย่างเคยได้ยินมาแล้วบางอย่างเพิ่งเคยรู้…

1)
เวลาทำถั่วเขียวต้มน้ำตาล ให้ใส่ช้อนข้าว 3-4 อันลงไปด้วยตอนต้ม
เพื่อช่วยให้เม็ดถั่วสุกทั่วกัน (ช้อนมันกระเด้งๆ)

2)
เทคนิคการยืดอายุใช้งานรถยนต์
*เวลาสตาร์ทเครื่อง บิดกุญแจ รอแป๊บนึงให้ไฟขึ้น ค่อยบิดสตาร์ท
*ก่อนออกรถอุ่นเครื่องสักครู่หนึ่ง (โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง)
*กะจังหวะเบรก เบรกเมื่อรอบเครื่องต่ำกว่า 1,000 ช่วยประหยัดน้ำมัน
*ก่อนถึงที่หมาย ปิดแอร์ก่อนนิดหน่อย ช่วยยืดอายุแอร์ (จะร้อนไหม555)

3)
คนที่ชอบเนื้อ ถ้าไปกิน MK เวลาสั่งชุดเนื้อสไลด์
ร้านจะให้น้ำจิ้มดำๆมา
ขอพริก กระเทียม มะนาวมาใส่
จิ้มแล้วอร่อยเหมือนกินร้านชาบู (เนื้อเขาก็ดีนะ)

อิ่มเลยวันนี้ happy weekend ครับ

กฎ 10 นาที

busy.jpg
วันนี้มีเหตุที่จะต้องพาลูกค้าทำรายการซื้อหุ้นโดยต้องโทร confirm ทั้งหมด 9 คน
ซึ่งระบบซื้อหุ้นจะเปิดให้ทำตอน 9 โมง
ขณะเดียวกันก็มีนัดจะต้องไปออกบูธซึ่งจะต้องออกเดินทางจากออฟฟิศก่อน 9.30 น.
รีบร้อนมากกก

พอระบบเปิดก็รีบคีย์ข้อมูลจากนั้นก็รีบโทร confirm
ทีละคน ทีละคน รัวๆ
มองนาฬิกาจำได้ว่าเริ่มโทรตอน 9.09 คุยตกคนละนาที มาสำเร็จตอน 9.19
9 คน 10 นาที วู้!!!

+++++++++++++++++++++++++++++++++

อันที่จริงงานแบบนี้ถ้าไม่ติดว่ารีบนะ อาจจะใช้เวลาถึงครึ่ง ชม.
หรือบางทีนานกว่านั้น…
สิ่งที่ผมทำไปโดยไม่รู้ตัววันนี้คือการย่อยงานโดยกฎ 10 นาที (Split Task : The 10-Minute Rule)

ที่มา https://www.themuse.com/advice/the-10minute-rule-it-seems-crazy-but-it-will-revolutionize-your-productivity

หลักการง่ายๆคืองานอะไรก็ตามที่เราจะทำ เราตั้งเวลาว่าจะทำเสร็จในไม่เกิน 10 นาที
แต่ถ้างานใหญ่กว่านั้น ก็ซอยลงให้อยู่ใน 10 นาทีให้ได้
จะช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่ม productivity ได้
มีข้อแนะนำอีก 3 อย่างหากจะลองใช้วิธีการนี้

1)ฝากคนอื่นทำ ; งานบางงานแม้จะใหญ่เกินกว่าจะทำคนเดียวได้ใน 10 นาที ก็ฝากไปให้คนอื่นทำ
โดยเฉพาะถ้าคนนั้นถนัดกว่า หรือถ้าเขาไม่เก่งก็เป็นการให้โอกาสเขาได้เรียนรู้ (หล่อจริงๆ)

สำหรับคนที่เป็นลูกทีม ก็ยังสามารถขอให้หัวหน้าทีมช่วยทำงานได้ด้วย โดยอาจบอกสิ่งที่กำลังทำอยู่ เช่น
“ตอนนี้กำลังทำ presentation อยู่ พี่ช่วยโทรนัดเวลาให้หน่อย”
ซึ่งอันที่จริงหัวหน้าทีมเขาก็อยากช่วยงานเราอยู่แล้วแหละ (คหสต : เห็นด้วยนะ)

2)ฝึกทำง่ายๆ ; คือเปลี่ยนมุมมองต่องานว่าทุกงานสามารถแบ่งเป็น 10 นาทีได้
ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะการทำงานเท่านั้น แต่ว่าชีวิตส่วนตัวก็ทำได้
อาบน้ำ 10 นาที เตรียมอาหาร 10 นาที เตรียมทำงาน 10 นาที ฯลฯ

3)ตั้งเวลา ; สอดคล้องกับการตั้งเป้าหมายแบบ SMART
ว่าทุกงานต้อง Measurement ได้และมี Time-bound

(การตั้งเป้าหมายแบบ SMART https://charoenjit.com/2017/11/14/smart/ )

มือถือทุกคนจับเวลาได้อยู่แล้ว แล้วก็ไม่ต้องกังวลถ้าแรกๆจะทำแล้วเกิน 10 นาทีไป ก็ฝึกทำใหม่

+++++++++++++++++++++++++++++++++

สุขสันต์วันสุดสัปดาห์ แล้ววันจันทร์หน้าลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้กันครับ

Social

User-Engagement.jpg

Social network ล้วนมีประโยชน์…

Social network เข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนเราแบบแยกกันไม่ขาด วันนี้มีประสบการณ์ที่น่าสนใจ

#1
*ตอนเช้าน้องสองคน เล่น social ไม่ได้ โวยวายมาก เศร้า&เซ็ง แต่พอเล่นได้นี่คึกคักเป็นคนละคน
*ตอนกลางวันโทรคุยกับลูกค้าซึ่งอยู่ที่อเมริกาผ่าน call line คุยง่าย& ชัด ไม่รู้สึกเลยว่าลูกค้าอยู่ไกลคนละฝั่งโลก สะดวกมากๆ
*ตอนเย็นมีนัดกับเพื่อนแต่ว่าเพื่อนไลน์มาบอกว่ามาไม่ได้แล้ว แถมยังส่งรูปรถติดมาให้ดูอีก คิดในใจว่าเล่นมือถือบนรถนี่มันอันตรายจริงๆ (คือเราก็ทำประจำ)

#2
*แต่ก็มีน้องอีกคนซื้อบอร์ดเกมมาชวนคนอื่นเล่นด้วยกัน ถือเป็นช่องทางการปฏิสัมพันธ์กันอีกรูปแบบหนึ่งในยุคที่คนส่วนใหญ่มองแต่จอ
*คุยไลน์กับแฟนตอนค่ำ เขาบอกว่าเขาอยู่คุณแม่ คุยได้สักนาทีหนึ่งก็บอกว่าขอไปใช้เวลากับแม่นะ…ว้าว เชิญๆๆๆ เยี่ยมเลย
*กินข้าวมื้อเที่ยงกับเพื่อนร่วมโต๊ะกันสี่คน ไม่มีใครหยิบโทรศัพท์มาเช็คเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ได้คุยกันพอสมควร

++++++++++++++++++++++++++++++++

Social network ล้วนมีประโยชน์ ช่วย connect เราเข้าใกล้กัน
ใครจะใช้มากใช้น้อยไม่เป็นไรขอเพียงแต่จัดให้สมดุล…
ปิดมือถือละ

อำลา

goodbye.jpg
ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
แต่ดีที่ในวันอำลานั้นมีงานเลี้ยง…

วันนี้มีโอกาสได้ไปเลี้ยงส่งน้องในทีมที่ทำงานเป็นวันสุดท้าย

ใจหาย แต่ไม่เสียใจหรือกังวล
เพราะรู้ว่าน้องไปอยู่ไหนและทำอะไรต่อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณ และยังเป็นกำลังให้เสมอ
พร้อมจะช่วยเหลือและหวังจะมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันอีก
แล้วเจอกัน…

SMART

smart
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดขั้นตอนหนึ่งในการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล (Financial Planning) คือการตั้งเป้าหมาย

เป้าหมายยิ่งชัดเจนยิ่งช่วยให้สามารถวางแผนและบรรลุตามเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

ในเนื้อหาของการอบรมและสอบคุณวุฒินักวางแผนทางการเงิน (CFP) ระบุถึงแนวทางในการตั้งเป้าหมายอย่างเหมาะสม มีหลักการจำง่ายๆว่า S M A R T

S Specific เฉพาะเจาะจง : ต้องการซื้อบ้าน townhome 2 ชั้น
M Measurable วัดได้ : ราคาประมาณ 4 ล้านบาท
A Achievable ทำได้ : ไม่ใช่เงินเดือนหลักหมื่นแต่มองบ้าน 20 ล้านหรือจะซื้อเงินสดทั้งที่ยังไม่ได้เก็บเงิน
R Realistic/Relevant สมเหตุสมผล : เช่น อยู่ 2คน 2 ห้องนอนพอ
T Time-bound มีระยะเวลา : ภายใน 3 ปีเริ่มดาวน์เริ่มผ่อน…

++++++++++++++++++++++++++++++++

แล้วถ้าลองเอามาใช้กับเป้าหมายทั่วๆไปล่ะ

*ต้องการลดน้ำหนัก (S) 3 กก. (M) ภายใน 2 เดือน (T) ด้วยการออกกำลังกาย (A) 4 วันต่อสัปดาห์ (R)
*เขียน blog (S) วันละ 1 เรื่อง (M)(A) เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ (R)ในอีก 1 เดือนข้างหน้า (T)
*เคลียร์งานเอกสารที่ค้างอยู่ (S) ให้เสร็จ 1 ชุด (M)(A) ใน 1 ชม. (T) ก่อนกลับบ้าน (R)
*ให้เวลาคิดงาน project (S) วันละ 30 นาที (R) ให้สำเร็จ 1 ประเด็น (M)(A) ในช่วงสัปดาห์หน้า (T)
*ปี 2018 (T) จะอ่านหนังสือ (S) วันละ 5 หน้า (M)(A) ทุกวัน (R)
*สร้างรอยยิ้ม (S) ให้เพื่อนร่วมงาน (A) 3 คน (M) ในวันพรุ่งนี้ (R)(T)

++++++++++++++++++++++++++++++++

ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ เผื่อชีวิตจะได้มีเป้าหมายแบบ S M A R T

ไม่มีตรงกลาง

cliff
ไม่มีตรงกลางสำหรับการตัดสินใจส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีเหตุผลที่ทำให้เราประวิงการตัดสินใจก็ตาม

เดี๋ยวมีเวลาจะออกกำลังกาย ก็คือยังไม่ออกกำลังกาย
เดี๋ยวถ้าทำอีกครั้งจะเข้าไปเตือน ก็คือยังไม่เตือน
เดี๋ยวจะเก็บออมเดือนหน้า ก็คือยังไม่เก็บออม
เดี๋ยวจะแก้ปัญหาแต่ไว้ก่อน ก็คือยังไม่แก้
เดี๋ยวค่อยทำ ก็คือยังไม่ทำนั่นเอง

โกรธก็คือโกรธไม่มีโกรธมากโกรธน้อย
ทำร้ายกันก็คือทำร้ายไม่มีทำน้อยทำมาก
ไม่ซื่อสัตย์ก็คือไม่ซื่อสัตย์ไม่มีเคสเบาเคสหนัก
ถ้าเราไม่เลือกทางหนึ่ง ก็แสดงว่าเราเลือกอีกทาง

หน้าผามีสองฝั่งจะต้องเดินไปข้างหน้าก็ต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งนี้หรือจะโดดข้ามไปฝั่งโน้น
ไม่มีตรงกลาง

นกแก้ว

parrot2ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านค้า เมื่อเดินเข้าไปหลังร้านก็เจอนกแก้วตัวหนึ่ง

นกแก้ว     : สวัสดี!
ชายหนุ่ม   : สวัสดี…ฉันดูเป็นยังไงบ้าง?
นกแก้ว     : นายเป็นคนที่น่าเกลียดมากแถมยังไม่ได้เรื่อง

ชายหนุ่มโมโหก็เดินไปฟ้องเจ้าของร้านถึงคำพูดของนกแก้ว
เจ้าของร้านเลยจัดการเจ้านกแก้วไปสองที เพี๊ยะๆ!!

ผ่านมาอีกหลายวันชายหนุ่มกลับไปที่ร้านค้าอีกครั้ง และเดินตรงเข้าไปที่กรงนกแก้ว

นกแก้ว     : สวัสดี!
ชายหนุ่ม   : สวัสดี…ฉันดูเป็นยังไงบ้าง?
นกแก้ว     : ก็เป็นอย่างที่นายคิดนั่นแหละ…

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

พระเจ้าสร้างเรามาดี เราแต่ละคนล้วนมีศักยภาพที่พร้อมจะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆอย่างยอดเยี่ยม
แต่ส่วนมากเรามักจะถูกประสบการณ์ในอดีตและความคิดถดถอยบดบังไม่ให้เราปลดปล่อยศักยภาพ
กลัวตัดสินใจพลาด ยังไม่ดีพอ เสี่ยงเกินไป ยากเกินไป ทำไม่ได้…

อย่าให้คำพูดของคนอื่นหรือความคิดวนเวียนในหัวของเราเป็นเหมือนกับเสียงนกแก้วที่คอยฉุดรั้งศักยภาพของเรา เพราะเราคิดอย่างไร เราก็เป็นอย่างนั้นเอง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เป็นกำลังใจให้กับหลายคนที่คิดทำอะไรบางอย่างแต่ยังติดขัดกับความไม่แน่ใจ
ถึงเวลาลุกขึ้นมาแล้วเดินไปข้างหน้า เริ่มต้นทำบางอย่าง (ตามสิ่งที่เรามี) อย่าง happy และ เข้มแข็ง
ทำเลย!!

สวัสดีครับ!!!

เขียนเลย!เริ่มเลย! …คิดไปคิดมาก็เกิดเป็น charoenjit.com

ช่วงเดือนสองเดือนนี้ผมได้รับแนวคิดเกี่ยวกับการเขียน blog เข้ามาจากหลายทาง ทั้งจากสื่อออนไลน์ จากบทความ จากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งชี้ให้เห็นประโยชน์ของการเขียน blog ทั้งกับตัวเองและส่วนรวม ใจความสำคัญหลักๆที่ได้รับก็คือ เขียนเลย!เริ่มเลย!

คิดไปคิดมาก็เกิดเป็น charoenjit.com ขึ้นมา สวัสดีครับ!!!

++++++++++++++++++++++++++++
เร็วๆนี้ได้มีโอกาสฟัง John C. Maxwell พูดถึง 5 สิ่งที่เขาแนะนำให้ทำทุกวันเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของผู้คน และนี่ผมจะบอกว่าการเขียน blog ตอบสิ่งนี้อย่างไร

1)ให้คุณค่าคน ; เพราะว่าคนนั้นสำคัญและ blog ก็ช่วยให้สามารถสื่อสารกับคนได้
2)คิดหาวิธีเพิ่มคุณค่าให้ผู้คน ; คิดว่าเนื้อหาที่จะมีโอกาสเขียน น่าจะช่วยให้ผู้คนได้รับอะไรบางอย่าง ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง
3)หลังจากคิดแล้วก็เริ่มเพิ่มคุณค่าให้ผู้คน ; นี่ไง!ปฏิบัติ!
4)ทำรายการสิ่งที่เราได้เพิ่มคุณค่าให้คนอื่น ; blog ช่วยเราจดบันทึกไปในตัว
5)หนุนน้ำใจผู้อื่นให้เพิ่มคุณค่าให้กับผู้คน ; สุดท้ายหวังว่าสิ่งที่เขียนจะเป็นประโยชน์และให้พวกเราเพิ่มคุณค่าแก่กันและกัน

++++++++++++++++++++++++++++
ยินดีที่ได้เริ่มต้นทำ แม้ตอนนี้สิ่งที่เขียนคงยังไม่มี scope อะไรมากมาย แต่หวังทุกคนที่ผ่านมาจะได้รับอะไรบางอย่าง อย่างน้อยอ่านแล้วได้เจริญจิตเจริญใจกันก็ยังดี